เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ที่โรงงานนม องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ภาคเหนือตอนบน ต.ห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. เป็นประธานเปิดตัวโครงการขยายรายผลิตที่โรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน ตั้งเป้าขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีผู้บริหารจาก อ.ส.ค. และเกษตรกรผู้ผลิตนมในพื้นที่ภาคเหนือร่วมกิจกรรม
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย–เดนมาร์ค ในปี 2562 อ.ส.ค. ตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีงบประมาณ 2561 ที่ทำรายได้ 9,560 ล้านบาท ดังนั้นปีนี้ อ.ส.ค. จึงทุ่มงบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็น ที่โรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน โดยการปรับปรุงในส่วนของโรงงาน ระบบการผลิต และเครื่องจักรใหม่ เพราะปัจจุบันการผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็น มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ตามความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลการดื่มนม 18 ล้านคนต่อปี เป็น 25 ล้านคนต่อปี ในปี 2564
“เราลงทุนปรับปรุงโรงงานระบบการผลิต เครื่องจักร ชุดพาสเจอร์ไรส์ที่สามารถทำการผลิตได้ 5 ตัน/ชั่วโมง แทงค์น้ำนมดิบ ปริมาณขนาด 10 ตัน แทงค์ผสมน้ำนม ขนาด 500 ลิตร 2 ตัน และ 3 ตัน และแทงค์พาสเจอร์ไรส์น้ำนม ขนาด 5 ตัน และ 3 ตัน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบรรจุโยเกิร์ต เครื่องบรรจุนมถุง และเครื่องบรรจุนมขวด อีกด้วย โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ระบบกำจัดน้ำเสียตามมาตรฐานสากล เพราะเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองและใกล้ชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบของโรงงานผลิตนมเย็นของประเทศ”
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน อ.ส.ค. รับซื้อน้ำนมดิบจาก 44 สหกรณ์การเกษตร เฉลี่ย 800 ตันต่อวัน เพื่อรองรับการผลิตในโรงงาน อ.ส.ค. ทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคเหนือตอนล่าง (จังหวัดสุโขทัย) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดขอนแก่น) ภาคใต้ (จังหวัดปราณบุรี) และภาคกลาง (จังหวัดสระบุรี)
“สำหรับการขยายโรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ จะทำให้สามารถรองรับปริมาณน้ำนมดิบจากสหกรณ์โคนม และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากทางภาคเหนือได้มากขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำนมดิบภาคเหนือมีปริมาณเพียงพอและมีมากกว่ากำลังการผลิตเดิมที่เคยผลิตได้ 15 ตัน/วัน ดังนั้นการขยายกำลังการผลิตของโรงงานเป็น 30 ตัน/วัน จะทำให้ อ.ส.ค. สามารถรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรได้มากขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อกำลังการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์สูงขึ้น ก็สามารถส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดเชิงรุกให้แก่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย–เดนมาร์ค ที่สามารถกระจายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นให้เข้าถึงทั่วพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูมิภาคอื่นๆทั่วประเทศ“
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า อ.ส.ค. มีแผนประชาสัมพันธ์ เพื่อรณรงค์และสนับสนุนให้คนไทยและเยาวชนไทยหันมาบริโภคนมที่มีคุณภาพจากนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผงอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย อ.ส.ค. มีการพัฒนาช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย–เดนมาร์ค ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการร้านไทย–เดนมาร์ค ระหว่าง อ.ส.ค. กับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ในการเปิดร้านไทย–เดนมาร์ค มิ้ลค์ช็อป (THAI-DENMARK MILK SHOP) ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 14 สาขาทั่วประเทศ โดยในเขตภาคเหนือ มีจำนวนทั้งสิ้น 5 สาขา ได้แก่ โรงเรียนมงฟอร์ต จ.เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา
และในส่วนของร้านไทย–เดนมาร์ค มิ้ลค์แลนด์ (THAI-DENMARK MILK LAND) อ.ส.ค. นำผลิตภัณฑ์นมไทย–เดนมาร์ค ที่ผลิตจากน้ำนมโคสดแท้ 100 % ได้แก่ โยเกิร์ต นมพาสเจอร์ไรส์ และไอศครีม มาเป็นส่วนผสมหลักของเมนูเครื่องดื่ม อาทิ โกโก้เย็น ลาเต้ สมูทตี้ผลไม้ต่างๆ ปัจจุบันมีทั้งหมด 24 สาขา ซึ่งในเขตพื้นที่ภาคเหนือ มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ พิษณุโลก และน่าน 2 สาขา และสำหรับตลาดต่างประเทศ อ.ส.ค.มียอดส่งออก 1,200 ล้านบาทต่อปี ส่งนมไปจำหน่ายที่ประเทศกัมพูชา 80% ลาว และเมียนมา ซึ่ง 95% เป็นนมกล่อง UHT ที่เหลือเป็นนมเย็นรูปแบบต่างๆ
“การที่ อ.ส.ค. ปรับปรุงและขยายการผลิตโรงงานนมพาสเจอร์ไรส์ จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากเพื่อรองรับน้ำนมดิบจากเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือที่มีปริมาณน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การผลิตผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มนมเย็นของ อ.ส.ค. มีการผลิตและกระจายสินค้าได้มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ อ.ส.ค. ยังมีแผนที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มนมเย็นไปยังกลุ่มธุรกิจ Catering ต่างๆ เช่น โรงแรม ฟู้ดส์คอร์ท ร้านอาหาร อีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างฐานการผลิตผลิลภัณฑ์นมของ อ.ส.ค. ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อแตกไลน์สินค้าและขยายกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น ยังช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยดื่มนมมากขึ้น และช่วยสืบสาน สานต่อ อาชีพพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้อยู่คู่กับสังคมไทยให้ยาวนานต่อไป” ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าว
หลังจากนั้นในช่วงบ่าย ดร.ณรงค์ฤทธิ์ นำคณะจัดกิจกรรม อ.ส.ค. ส่งเสริมการดื่มนม เพื่อสุขภาพ ในโครงการแบ่งฝัน ปันรักกับนมไทยเดน–มาร์ค 2019 (ครั้งที่ 4) ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์ จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ความรู้การดื่มนมในผู้สูงอายุ การแนะนำการดูแลสุขภาพ และการเลือกนมที่เหมาะกับผู้สูงอายุ พร้อมกับมอบผลิตภัณฑ์นมไทย–เดนมาร์ค แลคโตสฟรี ให้แก่สมาชิกผู้สูงอายุ
สำนักข่าวเห็ดลม รายงาน